แพทองธาร เปิดใจหลังศาลบังคับโทษ “ทักษิณ” จำคุก 1 ปี เป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของไทยที่อดีตนายกฯ ต้องเข้าเรือนจำ ยืนยันพ่อยังเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ผลงานที่ทำเพื่อบ้านเมืองไม่เปลี่ยนแปลงวันนี้ (9 กันยายน 2568) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 หรือที่ถูกเรียกว่า “คดีชั้น 14” อันเป็นผลมาจากคำร้องของชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นต่อศาลเพื่อให้ไต่สวนว่าการบังคับโทษทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่เช้าวันนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทักษิณ เดินทางมาฟังคำสั่งในเวลา 10.00 น. ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีผู้สนับสนุนทักษิณจากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจากอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ สวมเสื้อสีแดงเดินทางมาให้กำลังใจ ขณะเดียวกันสื่อมวลชนและช่างภาพจำนวนมากปักหลักรายงานข่าวอยู่ในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้


กระทั่งเวลา 11.15 น. ศาลฎีกามีคำสั่งว่า ไม่เคยมีการบังคับโทษ หรือการบังคับโทษที่มีอยู่นั้นไม่ถูกต้อง จึงให้ดำเนินการบังคับโทษทักษิณให้ครบตามคำพิพากษา เป็นเวลา 1 ปี โดยไม่ให้นำระยะเวลาที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจมาหักล้าง พร้อมส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวทักษิณเข้าเรือนจำทันที


แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และลูกสาวของทักษิณ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ครอบครัวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีการพระราชทานอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ พร้อมขอบคุณทุกคนที่ส่งความห่วงใยต่อคุณพ่อและครอบครัว


แพทองธารกล่าวต่อว่า ไม่ว่าผลของคดีจะออกมาอย่างไร คุณพ่อก็ยังเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ผลงานต่าง ๆ ที่เคยทำไว้ยังคงอยู่ และตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณพ่อเป็นผู้ที่ห่วงใยบ้านเมืองและต้องการให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี ส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงคุณพ่อ แต่ก็ภูมิใจที่ท่านได้สร้างประวัติศาสตร์มากมายในการดูแลประชาชน


เธอกล่าวด้วยว่า วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของไทย ที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกต้องเข้าเรือนจำ เป็นเรื่องที่หนักหน่วง แต่ทุกฝ่ายต้องก้าวต่อไป ส่วนตนและพรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่ต่อไปในฐานะฝ่ายค้าน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่