เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังร้อนระอุถึงขีดสุด ณ บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยมีแขกรับเชิญที่เกาะติดอยู่ในพื้นที่จริงอย่าง กัน จอมพลัง และมุมมองเชิงลึกจาก คุณมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข มาวิเคราะห์ถึงรากเหง้าของปัญหาและทางออก

ความขัดแย้งในพื้นที่นี้มีต้นตอมาจากประวัติศาสตร์ช่วงสงครามเขมรแดง ระหว่างปี 2518–2522 และต่อเนื่องมาหลายปี พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วและใกล้เคียงเคยถูกใช้เป็นค่ายอพยพขนาดใหญ่รองรับชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หนีภัยสงครามเข้ามาในฝั่งไทย ฝ่ายไทยได้จัดสรรพื้นที่ให้อยู่อาศัยและให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จนสถานการณ์ในกัมพูชาคลี่คลายและผู้อพยพส่วนใหญ่เดินทางกลับ แต่ปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชานำเรื่องนี้มาอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน โดยอ้างว่ามีชาวกัมพูชาเคยตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่นี้มาก่อน ทำให้เกิดการพิพาทอย่างต่อเนื่อง



ตลอดหลายวันที่ผ่านมา กัมพูชามีการเคลื่อนไหวกดดันอย่างหนัก โดยใช้เด็ก ผู้หญิง และพระสงฆ์เป็น “โล่มนุษย์” มาปักหลักประชิดแนวชายแดน ตะโกนท้าทายและสร้างสถานการณ์เพื่อให้ดูเหมือนว่าฝ่ายไทยกำลังใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ การกระทำนี้ถูกมองว่าเป็นการยั่วยุและหวังผลทางการเมืองระหว่างประเทศ ฝ่ายไทยจึงต้องใช้ความอดทนสูง และมีการเตรียมมาตรการควบคุมฝูงชนเพื่อป้องกันการรุกล้ำและไม่ให้สถานการณ์บานปลาย



ชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ กำนันลี หรือ โต สริน อดีตทหารกัมพูชาที่เข้ามาตั้งรกรากหลังสงคราม และกลายเป็นผู้นำชุมชนชาวกัมพูชาในพื้นที่พิพาท เขามีบทบาทสำคัญในการปลุกระดมและจัดการเคลื่อนไหวมวลชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กัน จอมพลัง ได้เผยแพร่หลักฐานภาพถ่ายที่สร้างข้อสงสัยอย่างมาก คือภาพป้ายทะเบียนรถของไทยจำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้ภายในบ้านของกำนันลี



ป้ายทะเบียนรถเหล่านี้กลายเป็นปริศนาใหญ่ ทำให้เกิดคำถามว่าไปอยู่ในบ้านของกำนันลีได้อย่างไร มีบางกระแสตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการซื้อขายรถ แต่ถ้าเป็นการซื้อขายจริง ทำไมไม่มีการนำเอกสารสำคัญอย่างเล่มทะเบียนติดไปด้วย หรือเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับขบวนการโจรกรรมรถ ซึ่งกัน จอมพลัง บอกว่า เป็นเพียงการตั้งคำถามหรือข้อสังเกตเท่านั้น