พยาธิไตยักษ์

เชื่อว่าหลายท่านคงไม่เคยเจอและได้ยินเกี่ยวกับพยาธินี้ แม้กระทั่งนักปรสิตบางท่านด้วย เพราะเป็นพยาธิที่พบได้ไม่บ่อยที่ก่อปัญหาให้กับคน แต่ทางสันวแพทย์คงพอคุ้นเคยกันดี

➡️ Dioctophyma renale หรือ พยาธิไตยักษ์ เป็นพยาธิตัวกลม (nematode) พบก่อโรคน้อยในคน มักติดเชื้อในสัตว์กินปลา เช่น มิ้งค์ และ สุนัข เป็นหลัก


✳️ พยาธินี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1583 และได้รับการอธิบายอย่างเป็นทางการโดย Johann Goeze ในปี ค.ศ. 1782 หลังจากที่เขาพบว่าพยาธินี้ก่อโรคในสุนัข โดยทั่วไป พยาธิมักจะติดอยู่ที่ ไตข้างเดียว (มักเป็นข้างขวา) และทำให้ไตถูกทำลายทั้งหมดจากภาวะพังผืด (fibrosis)


➡️ การติดเชื้อในคนพบได้น้อยมาก โดยมีรายงานเพียงประมาณ 40 รายทั่วโลก พยาธินี้สามารถทำลายเนื้อไตได้ แต่โดยทั่วไป ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต


🔄 วงจรชีวิตและการแพร่เชื้อ:

➡️ คนถือว่าเป็น “โฮสต์ผิดปกติ” (aberrant host) ในวงจรชีวิตของ D. renale

➡️ ไข่ของพยาธิจะออกมากับปัสสาวะของโฮสต์ที่เป็นแหล่งรังโรค (definitive host) และพัฒนาในน้ำ

➡️ ไส้เดือนน้ำ (oligochaetes) จะกินไข่พยาธิ แล้วตัวอ่อนจะพัฒนาในตัวไส้เดือน

➡️ จากนั้น ปลา หรือกบ มากินไส้เดือนน้ำเข้าไป ทำให้ตัวอ่อนเข้าไปฝังตัว (encyst) ในเนื้อเยื่อของปลา/กบ

➡️ คนติดเชื้อโดยการกินปลาหรือกบที่มีตัวอ่อนฝังอยู่ โดยไม่ได้ปรุงให้สุก

➡️ ตัวอ่อนจะเจาะผ่านผนังลำไส้ เข้าสู่ตับ แล้ว เคลื่อนที่ไปยังไต และเติบโตเป็นตัวเต็มวัยที่นั่น


⚠️ อาการทางคลินิกในมนุษย์:

➡️ อาการมักไม่เฉพาะเจาะจง เช่น

* ปวดเอวด้านข้าง (loin pain)

* ปัสสาวะเป็นเลือด (hematuria)

* อาการของไตอักเสบ (nephritis)

➡️ บางรายอาจมี ไข้ โลหิตจาง ปวดท้อง หรือผอมลง

➡️ พบได้น้อยมากที่พยาธิไปอยู่ในตำแหน่งนอกไต เช่น ใต้ผิวหนัง หรือ ในช่องท้องส่วนหลัง (retroperitoneum)

➡️ แม้จะไม่ค่อยทำให้เสียชีวิต แต่หากรุนแรงอาจ ทำลายเนื้อไต และเสี่ยงถึงชีวิตได้


🧪 การวินิจฉัยและการรักษา:

➡️ การวินิจฉัยมักทำโดยการตรวจชิ้นเนื้อ หรือพบพยาธิใน ปัสสาวะ หรือจากการผ่าตัด

➡️ การรักษาหลักคือ การผ่าตัดไตออก (nephrectomy) ที่ติดพยาธิ

➡️ การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การปรุงปลาและกบให้สุกก่อนรับประทาน เพื่อฆ่าตัวอ่อนของพยาธิ


ภาพประกอบ

มาจากเพจ Brandon Hills Veterinary Clinic


เอกสารอ้างอิง

Anderson RC. Nematode Parasites of Vertebrates: Their Development and Transmission. 2nd ed. Wallingford: CABI Publishing; 2000.


Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Parasites – Giant Kidney Worm. [Internet]. Atlanta: CDC; 2020 [cited 2025 Jun 21]. Available from: https://www.cdc.gov/parasites/dioctophyma/


Fuehrer HP. Dioctophyma renale (Goeze, 1782): neglected or misdiagnosed? Parasitol Res. 2014;113(5):1883–1893. doi:10.1007/s00436-014-3882-3


Goeze JAE. Versuch einer Naturgeschichte der Eingeweidewürmer thierischer Körper. Blankenburg: Pape; 1782.


Leoni F, Galli G, Marinelli A, Del Puppo M, Masetto A, Carlini L, et al. Human Dioctophyma renale infection with unusual ectopic localization: a case report. BMC Infect Dis. 2017;17:367. doi:10.1186/s12879-017-2471-6


McDonnell T, McBride M, Redmond HP, Ghent N. Dioctophyma renale: the giant kidney worm. A rare cause of hematuria. Can Urol Assoc J. 2012;6(5):E209–E211. doi:10.5489/cuaj.11250


Zhang P, Dong J, Liu Y, Zhang Y, Wu Z. Human infection of Dioctophyma renale: A case report and review of the literature. Parasite Epidemiol Control. 2020;9:e00143. doi:10.1016/j.parepi.2020.e00143